การเจาะคอ หรือการใส่ท่อหลอดลมคอ เป็นการใส่ท่อเข้าไปภายในหลอดลมคอ เมื่อมีการเจาะคอเรียบร้อยแล้ว โดยบริเวณที่เจาะ และใส่ท่อเข้าไปจะอยู่ระหว่างผัวหนัง กับหลอดลม ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านหน้าของลำคอ และอยู่ใต้กล่องเสียง การเจาะคอบริเวณนี้เป็นการช่วยให้อากาศสามารถผ่านเข้าสู่หลอดลม และปอดได้แบบที่ต้องไม่ผ่านทางจมูก และลำคอในส่วนบน นอกจากนั้นยังเป็นช่องทางสำหรับการช่วยเอาเสมหะออกมาหลอดลมของผู้ป่วยด้วย ทั้งนี้หากว่าต้องมีการดูแลผู้ป่วยเจาะคอที่บ้าน จะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถป้องกันไม่ให้เกิดเสมหะอุดตันในท่อหลอดลมคอกับตัวผู้ป่วย ในบทความนี้จะมาบอกกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง 

วิธีการดูแลผู้ป่วยเจาะคอที่บ้าน ต้องทำอย่างไรบ้าง ที่จะช่วยป้องกันให้ได้เกิดเสมหะอุดตันในท่อหลอดลมคอ 

หลังจากที่ผู้ป่วยทำการเจาะคอเรียบร้อยแล้ว ก็จะพบว่าผู้ป่วยมักจะมีเสมหะ หรือว่ามีเมือกเหลวในหลอดลมอยู่ตลอด เมื่อเป็นเช่นนี้จึงส่งผลให้ผู้ป่วยหายใจได้ไม่สะดวก ผู้ดูแลผู้ป่วยเจาะคอที่บ้านจะต้องทำการดูดเสมหะนี้ออกมาเอง โดยใช้ลูกยางแดง ซึ่งลูกยางแดงที่นำมาใช้จะต้องผ่านการทำความสะอาดแล้วเท่านั้น และจะต้องเลือกเบอร์ลูกยางให้เหมาะกับวัยของผู้ป่วยด้วย ในการดูดเสมหะออกไม่ควรทำหลังจากที่เพิ่งรับประทานอาหารเสร็จ นั่นก็เพื่อเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยสำลัก หรืออาเจียนออกมา แต่ทั้งนี้ถ้าหากว่าผู้ป่วยอาเจียน หรือสำลักแล้ว ก็ให้รีบดูดเศษอาหารออกมาให้หมดในทันที 

นอกจากที่จะต้องคอยดูดเสมหะแล้ว ผู้ดูแลผู้ป่วยเจาะคอที่บ้านควรจะต้องถอดหลอดลมคอที่อยู่ชั้นในออกมาล้างทำความสะอาดด้วย โดยควรจะทำความสะอาดทุก 4-6 ชั่วโมง หรืออย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้ง่ายมากขึ้น และเมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้วก็ต้องนำกลับมาใส่ให้กับผู้ป่วยทันที อีกทั้งผู้ดูแลควรให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอุ่นด้วย เพื่อให้เสมหะอ่อนตัวลง และสามารถขับเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น พร้อมกันนี้ผู้ป่วยก็จะต้องรับประทานยาขับเสมหะตามที่แพทย์สั่งด้วย 

วิธีการผู้ดูแลผู้ป่วยเจาะคอที่บ้านยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะผู้ดูแลจะต้องหมั่นทำความสะอาดแผลในบริเวณที่มีการเจาะคอ และเปลี่ยนผ้าก๊อซรองแผลด้วยอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง อีกทั้งยังต้องหมั่นในผู้ป่วยทำการฝึกบริหารการหายใจ เพื่อที่จะช่วยให้ปอดของผู้ป่วยขยายตัวได้มากขึ้น ซึ่งควรจะทำวันละหลาย ๆ ครั้งประมาณ 8-10 ครั้ง หรือทุก 2 ชั่วโมง ที่สำคัญจะต้องช่วยให้ผู้ป่วยไออย่างถูกต้อง ด้วยวิธีการที่แพทย์แนะนำ สิ่งนี้จะเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยสามารถขับเสมหะออกมาจากหลอดลม และปอดได้ ทั้งนี้ก็จะต้องให้ผู้ป่วยทำวันละหลาย ๆ ครั้งเช่นกัน